ปรากฏการณ์ความต้องการความใหม่
มันมี "ช่องว่าง" อยู่บนระบบสังคมและระบบการเมือง ช่องว่างที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนรุ่นเก่าทางสังคม กับ คนรุ่นใหม่ทางสังคม เมื่อมี "สิ่งใหม่" ที่น่าสนใจและท้าทายเข้ามาแทรกตรงกลาง "ที่ว่าง" นั้น มันจึงโดดเด่น ท้ายทาย และสอดรับกับความต้องการของคนในสังคม
คนในสังคมที่มิได้แบ่งด้วยเกณฑ์ประชากรศาสตร์แบบเดิม ๆ เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ คนในเมือง คนในชนบท คนรากหญ้า คนชั้นกลาง คนชั้นสูง
แต่เป็นกลุ่มคนในสังคมที่แบ่งด้วย "ความต้องการ เทคโนโลยี และความคิด" แบบใหม่ ๆ
อันมีพื้นฐานมาจากปัญหา pain point ความล่าช้า ความไม่ทันต่อสถานการณ์ ความเคร่งครัดกฏระเบียบมากกว่าเป้าหมายความสำเร็จ ปัญหาการลงมือแก้ปัญหาที่ล่าช้า ปัญหาการพัฒนาที่เคลื่อนตัวช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์
ที่สำคัญคือ ความรู้สึกตระหนักในศักยภาพและพลังในตนเองของคนในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการแสดงออก ต้องการได้รับโอกาส และต้องการได้รับการตอบสนอง อย่างทันท่วงที
รวมทั้งปัญหาความคิดที่ขาดการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขาดนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเกิด "ช่องว่างทางความคิด" ขนาดใหญ่ ทางเศรษกิจ สังคม และการเมือง ระหว่างกลุ่มทางการเมืองใหญ่ที่มีภาพลักษณ์เก่าแบบอนุรักษ์นิยม กับ กลุ่มทางการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยใหม่ แต่ปัจจุบันกลายเป็นของเก่าไปเสียแล้ว ซึ่งดูได้จาก "ความคิด" และ "วิธีคิด" ของคนเหล่านั้น ที่เป็นแบบ "เก่า"
ช่องว่างดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดความต้องการ "ของใหม่" มาเติมเต็มช่องว่างนี้ อันเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับ "ความคิดแบบใหม่" ของคนรุ่นใหม่
แม้ยังไม่อาจนิยามได้ชัดเจนจะแจ้งนักว่า "ความคิดแบบใหม่" คืออะไรบ้าง แต่เราต้องยอมรับว่า ความคิดแบบนี้มันมีอยู่จริง
มีอยู่ในสถาบันการศึกษา มีอยู่คณะวิชา สาขาวิชา ทั้งเก่าและใหม่ มีอยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มีอยู่ในใจกลางของประเทศ มีอยู่ในกลุ่มนิสิต นักศึกษา และบุคคลที่มีช่วงอายุ 18-25 ปี
มีอยู่ในโลกออนไลน์ ที่ดำรงอยู่ พร้อมที่จะแสดงออก โต้แย้ง ตอบโต้ ในสิ่งที่ตนเองไม่เห็นด้วย เมื่อคนที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกันเหล่านี้มาพบกันในโลกออนไลน์ พวกเขาจะรวมตัวกันแบบหลวม ๆ อยู่อย่างกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
หากเกิดเหตุการณ์ที่มากระทบ และพวกเขาไม่เห็นด้วย ะวกเขาจะลุกขึ้นมาปรากฏตัวพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย โดยไม่ต้องนัดหมาย ซึ่งมันกลายเป็นพลังอันมหาศาล ที่จะกดดันเข้าใส่สิางที่พวกเขาไม่เห็นด้วย
สิ่งที่ไม่พึงมองข้ามอีกอย่างหนึ่งคือ ความต้องการความใหม่นี้ มิได้มีอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า "คนรุ่นใหม่" เท่านั้น หากแต่คนรุ่นกลาง คนรุ่นเก่า จำนวนมากที่เบื่อความเก่า อดทนกับความเก่ามานาน ต่างต้องการ "ความใหม่" ด้วยเช่นกัน
เมื่อคนทุกกลุ่มที่มีความต้องการความใหม่แสดวออกทางความคิดแบะความต้องการพร้อม ๆ กัน ในเรื่ิงเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ความต้องการความใหม่นี้ จึงมีขนาดใหญ่อย่างคาดไม่ถึง
มันจึงเกิด "ปรากฏการณ์ความต้องการความใหม่" และ ปรากฏการณ์นิยมความใหม่"
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เสนอความใหม่กว่า ความก้าวหน้ากว่า ความเร็วกว่า สิ่งนั้นย่อมได้รับความนิยมได้ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่า
.........................
#ความเข้าใจ
#เพียงความเข้าใจ
#พื้นฐานของการวิจัยเชิงคุณภาพ คือ การทำความเข้าใจปรากฏการณ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น