เราจะศึกษาด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารให้เป็นเลิศได้อย่างไร
มีคนเคยถามอาจารย์ว่า ผม/ดิฉัน/หนู จะเป็นอะไรดี จะศึกษาเชิงลึกเรื่องอะไรเพื่อให้เกิดความเก่งในเรื่องอะไร เช่น ครีเอทีฟ นักผลิตสื่อ นักข่าว นักเขียนบท นักแสดง นักสื่อสารสุขภาพ นักสื่อสารเพลงและดนตรี นักสื่อสารทางทีวี นักสื่อสารกับชุมชน นักสื่อสารการเกษตร นักสื่อสารเพื่อการพัฒนา นักสื่อสารการตลาด ฯลฯ
คำถามมาจากบุคคลหลากหลายอาชีพแตกต่างด้วยเพศ อายุ อาชีพประสบการณ์ รสนิยม
เชื่อมั๊ยว่า คำตอบสำหรับทุกคนกลับมีเพียงคำตอบเดียว และเป็นคำตอบที่เหมือนกันคือ คือ "เป็นตัวของตัวเอง เป็นอย่างที่ตัวเองเป็น" นั่นแหละดีที่สุด
ไม่ใช่คำตอบกวนอารมณ์ แต่มีความหมาย นั้นคือ นักศึกษาแต่ละคน จบปริญญาตรี มีประสบการณ์ทำงาน มีความชำนาญ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้น ทุกคนจึงมี "ความเป็นตัวเอง" เป็นต้นทุนติดตัวมากันทุกคน
ต้นทุนที่ว่านี้แบ่งออกเป็น 2 มิติคือ
-มิติการทำงาน (เราทำงานอะไร)
-มิติความเชี่ยวชาญ (เราเชี่ยวชาญเรื่องใด)
การศึกษาปริญญาโท จึงมีคำแนะนำดังนี้
1. เราควรมองตนเองว่า ณ ปัจจุบัน เรา "เป็นอะไร"
2. เราควรตั้งฐานการศึกษาจากต้นทุน สองประการที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น เราจึงได้แนวทางในการศึกษา (approach) 2 แนวทางคือ
แนวทางที่หนึ่ง การศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ (problem based) งานที่ทำมีปัญหาอะไร จะแก้ปัญหาด้วยการสื่อสารอย่างไร จะพัฒนางานด้วยการสื่อสารอย่างไร นอกจากนี้ในการทำงานเราย่อมมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเรา (experience-based) ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอาจเป็นเรื่องเดียวกันกับงานที่ทำ หรือเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ทำก็ได้ เช่น เป็นนักข่าว แต่มีความเชี่ยวชาญในการทำอาหาร เรายังสามารถศึกษาจากความเชี่ยวชาญของเราได้
แนวทางที่สอง การศึกษาตามประเด็น (Issue-based) มนุษย์ทุกคนต่างมีความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และความสนใจ เผ็นของตนเองBe yourself
มีคนเคยถามอาจารย์ว่า ผม/ดิฉัน/หนู จะเป็นอะไรดี จะศึกษาเชิงลึกเรื่องอะไรเพื่อให้เกิดความเก่งในเรื่องอะไร เช่น ครีเอทีฟ นักผลิตสื่อ นักข่าว นักเขียนบท นักแสดง นักสื่อสารสุขภาพ นักสื่อสารเพลงและดนตรี นักสื่อสารทางทีวี นักสื่อสารกับชุมชน นักสื่อสารการเกษตร นักสื่อสารเพื่อการพัฒนา นักสื่อสารการตลาด ฯลฯ
คำถามมาจากบุคคลหลากหลายอาชีพแตกต่างด้วยเพศ อายุ อาชีพประสบการณ์ รสนิยม
เชื่อมั๊ยว่า คำตอบสำหรับทุกคนกลับมีเพียงคำตอบเดียว และเป็นคำตอบที่เหมือนกันคือ คือ "เป็นตัวของตัวเอง เป็นอย่างที่ตัวเองเป็น" นั่นแหละดีที่สุด
ไม่ใช่คำตอบกวนอารมณ์ แต่มีความหมาย นั้นคือ นักศึกษาแต่ละคน จบปริญญาตรี มีประสบการณ์ทำงาน มีความชำนาญ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้น ทุกคนจึงมี "ความเป็นตัวเอง" เป็นต้นทุนติดตัวมากันทุกคน
ต้นทุนที่ว่านี้แบ่งออกเป็น 2 มิติคือ
-มิติการทำงาน (เราทำงานอะไร)
-มิติความเชี่ยวชาญ (เราเชี่ยวชาญเรื่องใด)
การศึกษาปริญญาโทนิเทศศาสตร์ จึงมีคำแนะนำดังนี้
1. เราควรมองตนเองว่า ณ ปัจจุบัน เรา "เป็นอะไร"
2. เราควรตั้งฐานการศึกษาจากต้นทุน สองประการที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น เราจึงได้แนวทางในการศึกษา (approach) 2 แนวทางคือ
แนวทางที่หนึ่ง การศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ (problem based) งานที่ทำมีปัญหาอะไร จะแก้ปัญหาด้วยการสื่อสารอย่างไร จะพัฒนางานด้วยการสื่อสารอย่างไร นอกจากนี้ในการทำงานเราย่อมมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเรา (experience-based) ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอาจเป็นเรื่องเดียวกันกับงานที่ทำ หรือเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ทำก็ได้ เช่น เป็นนักข่าว แต่มีความเชี่ยวชาญในการทำอาหาร เรายังสามารถศึกษาจากความเชี่ยวชาญของเราได้
แนวทางที่สอง การศึกษาตามประเด็น (Issue-based) มนุษย์ทุกคนต่างมีความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม วิสัยทัศน์ มุมมองที่มีต่อโลก แตกต่างกันไป สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความสนใจใน "ประเด็น" แตกต่างกัน บางคนเป็นหมออาจสนใจประเด็นปัญหาชาวนา บางคนเป็นพยาบาลแต่สนใจประเด็นปัญหาเศรษฐกิจ บางคนเป็นดารากลับสนใจปัญหาเด็กด้อยโอกาส บางคนเป็นนักการเงินแต่กลับสนใจประเด็นปัญหาวัฒนธรรม การศึกษาทางด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสาร เราสามารถศึกษาจากประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ โดยอาศัยมุมมองด้านการสื่อสาร
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "การเป็นตัวเอง" ทำตามความรู้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของตัวเอง หรือทำตามความสนใจของตนเอง นั่นแหละจะดีที่สุด ทั้งมีความสุข มีความเก่ง มีความเป็นเลิศ และมีโอกาสประสบความสำเร็จ ยิ่งกว่าการเป็นคนอื่น หรือเป็นเหมือนคนอื่น
Be yourself
รศ.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
25 สิงหาคม 2557
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น