กลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ตอนที่ 5 การสื่อสารเพื่อระดมพลัง
ดร.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
10 พ.ค. 59
5. กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อระดมพลัง (mobilization)
การดำเนินกิจกรรมทางสังคม (social activities) ในบางเรื่องจำเป็นต้องอาศัยพลังของผู้คนจำนวนมากที่เป็นกลุ่มใหญ่มากหรือเป็นมวลชนจำนวนมาก (mass) งานจึงจะสำเร็จ เช่น การสร้างฝายทดน้ำ การสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร การบริจาคเงินเพื่อช่วยสนับสนุนการศึกษาของเด็กนักเรียนในชนบทที่ห่างไกล การบริจาคเงินหรือวัตถุสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การที่จะให้คนจำนวนมากเห็นพ้อง เห็นด้วย และให้การสนับสนุน จำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารเป็นเครื่องมือ ซึ่งต้องมีการใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
5.1 กลยุทธ์หลัก (Core strategies)
(1) ความเข้าใจผู้รับสาร เราต้องเข้าใจว่าผู้รับสารแบ่งออกเป็นอย่างน้อย 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ มีแนวโน้มเห็นด้วย มีโอกาสที่จะเห็นด้วย กลุ่มที่สอง กลุ่มที่มีความสนใจเรื่องราวนี้ แต่มีความคิดเห็นตรงกลาง ยังไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ไม่ต่อต้าน แต่ยังมีโอกาสที่จะสนับสนุนในภายหลัง กลุ่มที่สาม กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ แต่มีแนวโน้มไม่เห็นด้วย กลุ่มที่สี่ กลุ่มที่ไม่สนใจเรื่องราวนี้ในเวลานี้ สนใจเฉพาะเรื่องราวของตนเอง สนใจการทำมาหากินของตนเอง สนใจสิ่งที่ตนเองจะได้รับประโยชน์ ยังรู้สึกเฉย ๆ ต่อเหตุการณ์ รอดูท่าทีว่าปัญหาจะส่งผลกระทบมาถึงตนเองหรือไม่ อาจเห็นด้วย อาจสนับสนุนในภายหลัง หรืออาจไม่เห็นด้วย หรืออาจต่อต้านในภายหลัง
(2) การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ผู้รับสารเป้าหมายและแนวทางในการสื่อสาร เราต้องตัดสินใจให้ได้ว่าเราจะเลือกคนกลุ่มใดมาเป็นผู้รับสารเป้าหมาย (target audience) แล้วจึงกำหนดแนวทางในการสื่อสาร แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ
กรณีที่หนึ่ง เราต้องเลือกกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักที่แท้จริง (major target audience) นั่นคือ คนกลุ่มแรกได้แก่ กลุ่มที่มีความสนใจเหตุการณ์นี้ มีแนวโน้มเห็นด้วย และมีโอกาสที่จะเห็นด้วย โดยกำหนดแนวทางและวิธีการสื่อสารโดยเฉพาะสำหรับคนกลุ่มนี้
กรณีที่สอง เราต้องเลือกกำหนดกลุ่มเป้าหมายรอง (minor target audience) นั่นคือ คนกลุ่มที่สองได้แก่ กลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องนี้แต่ยังมีความคิดเห็นตรงกลาง ยังไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน แต่ไม่ต่อต้าน และยังมีโอกาสที่จะสนับสนุนในภายหลัง คนกลุ่มนี้เราต้องทำการสื่อสาร เพื่อดึงเขาเข้ามารับรู้ข้อมูลข่าวสาร อธิบายให้เขาเข้าใจ โน้มน้าวให้เขาเห็นด้วย และจูงใจให้เขาสนับสนุนกิจกรรมของเรา
กรณีที่สาม กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ แต่มีแนวโน้มไม่เห็นด้วย คนกลุ่มนี้เราต้องเน้นการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริง (fact) พยานหลักฐาน (evidence) ที่สนับสนุนเรื่องราว กิจกรรม เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินการ
กรณีที่สี่ กลุ่มคนที่ไม่สนใจเรื่องราวนี้ในขณะนี้ ให้ทำการสื่อสารด้วยข้อมูลทั่วไป เพื่อรับรู้รับทราบเรื่องราวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจจะมีบางคนบางกลุ่มหันมาสนใจในอนาคต
5.2 กลยุทธ์เกี่ยวกับสาร (Message strategies)
(1) ใช้สารสร้างภาพขึ้นในใจผู้รับสารให้มองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีขนาดใหญ่ และส่งผลกระทบต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์
(2) ใช้สารที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการระดมพลังความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก
(3) ใช้สารที่มีลักษณะโน้นน้าวใจให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกร่วม เกิดอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้น
(4) ใช้สารที่อธิบายถึงลักษณะของความต้องการที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุน
(5) ใช้สารที่อธิบายถึงแนวทางและวิธีการที่ผู้รับสารจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ เช่น ช่องทางการบริจาคเงินผ่านระบบออนไลน์
(6) ใช้สารที่เร่งเร้าการตัดสินใจ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ
(7) ใช้สารที่กระต้นให้เกิดการกระทำ ลงมือกระทำ ในการให้ความช่วยเหลือหรือการสนับสนุน
5.3 กลยุทธ์เกี่ยวกับสื่อ (Media strategies)
(1) ใช้สื่อที่สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในวงกว้างมากที่สุด เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ สื่อออนไลน์ เว็บท่า เว็บไซต์ชุมชนอออนไลน์ที่ผู้คนนิยมอ่านมาก เช่น เว็บพันทิปดอทคอม เว็บสนุกดอทคอม เว็บกระปุกดอทคอม เว็บเด็กดีดอทคอม
(2) ในบางกรณีอาจต้องใช้สื่อที่เจาะจงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้มีรายได้สูง กลุ่มผู้มีการศึกษาระดับสูง เพื่อให้ช่วยบริจาคเงินสนุบสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กที่ยากจนในชนบทที่ห่างไกล
(3) ในบางกรณีอาจต้องใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการระดมพลังสังคมโดยตรง เช่น change.org เข้ามาช่วยในการรณรงค์
(4) การใช้สื่อบุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิดซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของสังคม เป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางหนึ่ง
ดร.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
10 พ.ค. 59
ตอนที่ 5 การสื่อสารเพื่อระดมพลัง
ดร.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
10 พ.ค. 59
5. กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อระดมพลัง (mobilization)
การดำเนินกิจกรรมทางสังคม (social activities) ในบางเรื่องจำเป็นต้องอาศัยพลังของผู้คนจำนวนมากที่เป็นกลุ่มใหญ่มากหรือเป็นมวลชนจำนวนมาก (mass) งานจึงจะสำเร็จ เช่น การสร้างฝายทดน้ำ การสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร การบริจาคเงินเพื่อช่วยสนับสนุนการศึกษาของเด็กนักเรียนในชนบทที่ห่างไกล การบริจาคเงินหรือวัตถุสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การที่จะให้คนจำนวนมากเห็นพ้อง เห็นด้วย และให้การสนับสนุน จำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารเป็นเครื่องมือ ซึ่งต้องมีการใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
5.1 กลยุทธ์หลัก (Core strategies)
(1) ความเข้าใจผู้รับสาร เราต้องเข้าใจว่าผู้รับสารแบ่งออกเป็นอย่างน้อย 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ มีแนวโน้มเห็นด้วย มีโอกาสที่จะเห็นด้วย กลุ่มที่สอง กลุ่มที่มีความสนใจเรื่องราวนี้ แต่มีความคิดเห็นตรงกลาง ยังไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ไม่ต่อต้าน แต่ยังมีโอกาสที่จะสนับสนุนในภายหลัง กลุ่มที่สาม กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ แต่มีแนวโน้มไม่เห็นด้วย กลุ่มที่สี่ กลุ่มที่ไม่สนใจเรื่องราวนี้ในเวลานี้ สนใจเฉพาะเรื่องราวของตนเอง สนใจการทำมาหากินของตนเอง สนใจสิ่งที่ตนเองจะได้รับประโยชน์ ยังรู้สึกเฉย ๆ ต่อเหตุการณ์ รอดูท่าทีว่าปัญหาจะส่งผลกระทบมาถึงตนเองหรือไม่ อาจเห็นด้วย อาจสนับสนุนในภายหลัง หรืออาจไม่เห็นด้วย หรืออาจต่อต้านในภายหลัง
(2) การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ผู้รับสารเป้าหมายและแนวทางในการสื่อสาร เราต้องตัดสินใจให้ได้ว่าเราจะเลือกคนกลุ่มใดมาเป็นผู้รับสารเป้าหมาย (target audience) แล้วจึงกำหนดแนวทางในการสื่อสาร แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ
กรณีที่หนึ่ง เราต้องเลือกกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักที่แท้จริง (major target audience) นั่นคือ คนกลุ่มแรกได้แก่ กลุ่มที่มีความสนใจเหตุการณ์นี้ มีแนวโน้มเห็นด้วย และมีโอกาสที่จะเห็นด้วย โดยกำหนดแนวทางและวิธีการสื่อสารโดยเฉพาะสำหรับคนกลุ่มนี้
กรณีที่สอง เราต้องเลือกกำหนดกลุ่มเป้าหมายรอง (minor target audience) นั่นคือ คนกลุ่มที่สองได้แก่ กลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องนี้แต่ยังมีความคิดเห็นตรงกลาง ยังไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน แต่ไม่ต่อต้าน และยังมีโอกาสที่จะสนับสนุนในภายหลัง คนกลุ่มนี้เราต้องทำการสื่อสาร เพื่อดึงเขาเข้ามารับรู้ข้อมูลข่าวสาร อธิบายให้เขาเข้าใจ โน้มน้าวให้เขาเห็นด้วย และจูงใจให้เขาสนับสนุนกิจกรรมของเรา
กรณีที่สาม กลุ่มที่สนใจเรื่องราวนี้ แต่มีแนวโน้มไม่เห็นด้วย คนกลุ่มนี้เราต้องเน้นการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริง (fact) พยานหลักฐาน (evidence) ที่สนับสนุนเรื่องราว กิจกรรม เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินการ
กรณีที่สี่ กลุ่มคนที่ไม่สนใจเรื่องราวนี้ในขณะนี้ ให้ทำการสื่อสารด้วยข้อมูลทั่วไป เพื่อรับรู้รับทราบเรื่องราวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจจะมีบางคนบางกลุ่มหันมาสนใจในอนาคต
(3)
การออกแบบสารต้องออกแบบขึ้นมาให้เหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม
ไม่ใช้สารเดียวกันกับคนทุกกลุ่ม
5.2 กลยุทธ์เกี่ยวกับสาร (Message strategies)
(1) ใช้สารสร้างภาพขึ้นในใจผู้รับสารให้มองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีขนาดใหญ่ และส่งผลกระทบต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์
(2) ใช้สารที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการระดมพลังความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก
(3) ใช้สารที่มีลักษณะโน้นน้าวใจให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกร่วม เกิดอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้น
(4) ใช้สารที่อธิบายถึงลักษณะของความต้องการที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุน
(5) ใช้สารที่อธิบายถึงแนวทางและวิธีการที่ผู้รับสารจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ เช่น ช่องทางการบริจาคเงินผ่านระบบออนไลน์
(6) ใช้สารที่เร่งเร้าการตัดสินใจ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ
(7) ใช้สารที่กระต้นให้เกิดการกระทำ ลงมือกระทำ ในการให้ความช่วยเหลือหรือการสนับสนุน
5.3 กลยุทธ์เกี่ยวกับสื่อ (Media strategies)
(1) ใช้สื่อที่สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในวงกว้างมากที่สุด เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ สื่อออนไลน์ เว็บท่า เว็บไซต์ชุมชนอออนไลน์ที่ผู้คนนิยมอ่านมาก เช่น เว็บพันทิปดอทคอม เว็บสนุกดอทคอม เว็บกระปุกดอทคอม เว็บเด็กดีดอทคอม
(2) ในบางกรณีอาจต้องใช้สื่อที่เจาะจงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้มีรายได้สูง กลุ่มผู้มีการศึกษาระดับสูง เพื่อให้ช่วยบริจาคเงินสนุบสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กที่ยากจนในชนบทที่ห่างไกล
(3) ในบางกรณีอาจต้องใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการระดมพลังสังคมโดยตรง เช่น change.org เข้ามาช่วยในการรณรงค์
(4) การใช้สื่อบุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิดซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของสังคม เป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางหนึ่ง
ดร.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
10 พ.ค. 59
โทรศัพท์มือถือ : 081 4466 951
ไลน์ไอดี : americano1515
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น