ก้าวแรกแห่งการพัฒนา..คือ การพัฒนาคน
รายชื่อและประวัติย่อสั้น ของ นศ.ม. รุ่น 10 ที่ผมโพสต์ไปจำนวน 6 คน..ตามข้อมูลที่ผมมีในมือ เนื่องจากนักศึกษาทั้ง 6 คนดังกล่าว ผมเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการ ผมจึงได้รับข้อมูลมาในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2556
ผมนำมาโพสต์ไว้เพื่อให้เป็นแนวทางในการสื่อสารข้อมูลระหว่างนักศึกษาและศิษย์เก่านิเทศศาสตร..เป็นเพียงแนวทางที่กระตุ้นให้นักศึกษานำไปคิด นำไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม หลายคนอาจมีประสบการณ์ใช้สื่อออนไลน์มาก อาจทำได้ดีกว่านี้หลายเท่า
การมีส่วนร่วมและการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วม..เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่าย..คงเป็นพันธกิจที่จะต้องสืบสานต่อโดยคณะนักศึกษา นศ.ม. รุ่น 10 โดยประธาน รองประธาน และนักศึกษาทุกคน พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทุกคนควรตระหนัก..คือ..ความเข้มแข็งของกลุ่ม ของชุมชน ของสังคมใดๆ ก็ตาม..จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ กลุ่ม ชุมชน และสังคมนั้น..มีสมาชิกกลุ่มที่เข้มแข็ง
ความเข้มแข็งในตนเองสำหรับนักศึกษาในวันนี้คือ..ความสามารถด้าน "การเรียนรู้ด้วยตนเอง" (Self Learning) และ ความสามารถด้าน "การพึ่งตนเองได้" (Self Reliance) ความสามารถทั้งสองส่วนนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ทุกคน ซึ่งในทางวิชาการถือว่า เป็นแนวทางในการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อคนเข้มแข็ง กลุ่มก็เข้มแข็ง
เมื่อกลุ่มเข้มแข็ง ชุมชนก็เข้มแข็ง
เมื่อชุมชนเข้มแข็ง สังคมก็เข้มแข็ง
ผู้คนและสังคมภายนอก เขาอาจจะ "รู้จักเรา" จากการทำกิจกรรมสู่สังคม จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จากการประชุมพบปะ
แต่..เขาจะ "ยอมรับเรา" ก็ต่อเมื่อ..เราได้แสดงออกให้เห็นถึง ฝีมือความสามารถในการทำงาน การแก้ปัญหา และการสร้างผลงานเชิงประจักษ์ให้ผู้คนได้พบเห็น ได้ใช้ประโยชน์ อันเป็นผลที่ได้รับมาจากการศึกษาปริญญาโทนิเทศศาสตร์
ในทัศนะของผมเห็นว่า..ผู้คนและสังคมที่จะ "ยอมรับเรา" เขาไม่ให้ความสำคัญกับ Features ของเรามากนักหรอก..แต่เขาสนใจเราที่ Advantage มากกว่า
แต่สิ่งที่ผู้คนและสังคมเขาสนใจมากที่สุดและจะยอมรับเรามากที่สุดคือ เรื่อง Benefits
เราในฐานะที่เป็นผู้จบปริญญาโทนิเทศศาสตร์ มสธ. จะมี Benefits อย่างไร..ทำอะไรให้สำเร็จได้ แก้ปัญหาอะไรได้ พัฒนาอะไรได้ สร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรที่เป็นประโยชนต่อสังคมได้
และที่สิ่งสุดท้ายที่เขาเอามาตัดสินเราคือ ความมีคุณธรรมจริยธรรม
ดังนั้น เราจึงควรตระหนักอยู่เสมอว่า..เราต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทางวิชาการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะพวกเราเข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลนี้
วิชาการนิเทศศาสตร์บวกกับต้นทุนชีวิตที่แต่ละคนมีมาก่อน จะช่วยให้เรา "หาข้อมูลเป็น คิดเป็น วิเคราะห์เป็น วางแผนเป็น แก้ปัญหาเป็น"
ขณะเดียวกันเราก็ไม่ละทิ้งการเรียนรู้ภาคประสบการณ์ชีวิตระหว่างเรียน เพราะประสบการณ์จะสอนให้เราแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงได้
ในทัศนะของผมคือ..เราต้องทำทั้งสองด้านให้สมดุลย์
รองศาสตราจารย์ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
11 มิถุนายน 2556
รายชื่อและประวัติย่อสั้น ของ นศ.ม. รุ่น 10 ที่ผมโพสต์ไปจำนวน 6 คน..ตามข้อมูลที่ผมมีในมือ เนื่องจากนักศึกษาทั้ง 6 คนดังกล่าว ผมเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการ ผมจึงได้รับข้อมูลมาในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2556
ผมนำมาโพสต์ไว้เพื่อให้เป็นแนวทางในการสื่อสารข้อมูลระหว่างนักศึกษาและศิษย์เก่านิเทศศาสตร..เป็นเพียงแนวทางที่กระตุ้นให้นักศึกษานำไปคิด นำไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม หลายคนอาจมีประสบการณ์ใช้สื่อออนไลน์มาก อาจทำได้ดีกว่านี้หลายเท่า
การมีส่วนร่วมและการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วม..เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่าย..คงเป็นพันธกิจที่จะต้องสืบสานต่อโดยคณะนักศึกษา นศ.ม. รุ่น 10 โดยประธาน รองประธาน และนักศึกษาทุกคน พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทุกคนควรตระหนัก..คือ..ความเข้มแข็งของกลุ่ม ของชุมชน ของสังคมใดๆ ก็ตาม..จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ กลุ่ม ชุมชน และสังคมนั้น..มีสมาชิกกลุ่มที่เข้มแข็ง
ความเข้มแข็งในตนเองสำหรับนักศึกษาในวันนี้คือ..ความสามารถด้าน "การเรียนรู้ด้วยตนเอง" (Self Learning) และ ความสามารถด้าน "การพึ่งตนเองได้" (Self Reliance) ความสามารถทั้งสองส่วนนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ทุกคน ซึ่งในทางวิชาการถือว่า เป็นแนวทางในการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อคนเข้มแข็ง กลุ่มก็เข้มแข็ง
เมื่อกลุ่มเข้มแข็ง ชุมชนก็เข้มแข็ง
เมื่อชุมชนเข้มแข็ง สังคมก็เข้มแข็ง
ผู้คนและสังคมภายนอก เขาอาจจะ "รู้จักเรา" จากการทำกิจกรรมสู่สังคม จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จากการประชุมพบปะ
แต่..เขาจะ "ยอมรับเรา" ก็ต่อเมื่อ..เราได้แสดงออกให้เห็นถึง ฝีมือความสามารถในการทำงาน การแก้ปัญหา และการสร้างผลงานเชิงประจักษ์ให้ผู้คนได้พบเห็น ได้ใช้ประโยชน์ อันเป็นผลที่ได้รับมาจากการศึกษาปริญญาโทนิเทศศาสตร์
ในทัศนะของผมเห็นว่า..ผู้คนและสังคมที่จะ "ยอมรับเรา" เขาไม่ให้ความสำคัญกับ Features ของเรามากนักหรอก..แต่เขาสนใจเราที่ Advantage มากกว่า
แต่สิ่งที่ผู้คนและสังคมเขาสนใจมากที่สุดและจะยอมรับเรามากที่สุดคือ เรื่อง Benefits
เราในฐานะที่เป็นผู้จบปริญญาโทนิเทศศาสตร์ มสธ. จะมี Benefits อย่างไร..ทำอะไรให้สำเร็จได้ แก้ปัญหาอะไรได้ พัฒนาอะไรได้ สร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรที่เป็นประโยชนต่อสังคมได้
และที่สิ่งสุดท้ายที่เขาเอามาตัดสินเราคือ ความมีคุณธรรมจริยธรรม
ดังนั้น เราจึงควรตระหนักอยู่เสมอว่า..เราต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทางวิชาการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะพวกเราเข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลนี้
วิชาการนิเทศศาสตร์บวกกับต้นทุนชีวิตที่แต่ละคนมีมาก่อน จะช่วยให้เรา "หาข้อมูลเป็น คิดเป็น วิเคราะห์เป็น วางแผนเป็น แก้ปัญหาเป็น"
ขณะเดียวกันเราก็ไม่ละทิ้งการเรียนรู้ภาคประสบการณ์ชีวิตระหว่างเรียน เพราะประสบการณ์จะสอนให้เราแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงได้
ในทัศนะของผมคือ..เราต้องทำทั้งสองด้านให้สมดุลย์
รองศาสตราจารย์ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
11 มิถุนายน 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น