การเรียน คือ Reality drama
การเรียนปริญญาโทปริญญาเอกทุกแห่ง รวมทั้งนิเทศศาสตร์ มสธ. และที่อื่นๆเปรียบเสมือนภาพยนตร์..ที่เรียกว่า "หนังชีวิต"แต่ไม่ใช่
(1) ไม่ใช่หนังชีวิตแบบ melodrama นิยายรักน้ำเน่า เจ้าหญิงเจ้าชาย
(2) ไม่ใช่ action drama ข้าเก่งคนเดียว ยิงไม่เข้าฟันไม่ออก ปราบศัตรูราบคาบด้วยกำลังสมองโง่ๆ
(3) ไม่ใช่ sentimental drama รักหวานกระจุ๋มกระจิ๋ม ในโรงเรียนมัธยม ไม่ใช่ชีวิตรักแสนหวานในมหาวิทยาลัย
(4) ไม่ใช่ sentimental comedy ตลกรักหนุ่มสาวใสก๊ก ชีวิตมีแต่ความสนุกสนาน ตลกขบขัน
ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่
(5) ไม่ใช่ Thriller พิศวาสฆาตรกรรม
(6) ไม่ใช่ suspense ตามหาใครคือจอมบงการ (ทำให้นักศึกษาสอบตกหรือเรียนไม่จบ)
(6) ไม่ใช่ suspense ตามหาใครคือจอมบงการ (ทำให้นักศึกษาสอบตกหรือเรียนไม่จบ)
แต่..เป็นหนังชีวิตประเภท Reality drama หนังชีวิตที่ต้องอยู่กับความจริง
ทุกอย่างคือ โลกแห่งความเป็นจริง (แม้ว่าความเป็นจริงบางอย่างจะถูกประกอบาร้างขึ้นมาแบบปลอมๆ กลวงๆ และกลวงๆ)
ความเป็นจริงก็คือ
(1) ต้องเรียนรู้
(2) ต้องจริงจัง
(3) ต้องทุ่มเท
(4) ไม่มีอะไรได้มาง่าย แม้ว่าเกรด A บางตัวอาจจะได้มาง่ายๆ)
(5) ความรู้ที่ได้มาเพียงผิวเผิน ที่เอาไว้ใช้โอ้อวด ไม่ใช่ความรู้จริง
(6) คนที่รู้จริง จะต้องสามารถคิดเป็น วิเคราะห์เป็น ประยุกต์ใช้เป็น แก้ปัญหาเป็น และพัฒนาเป็น
(7) สิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบความรู้จริงคือ การมีความสามารถในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและความรู้เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาได้
(8) คนที่รู้ไม่จริง จะถูกตรวจสอบจากสังคมในที่สุด จากการทำงาน จากการแก้ปัญหา จากการสร้างสรรค์ และจากการพัฒนา ซึ่งจะเกิดขึ้นในสังคมที่เราไปมีบทบาทอยู่ด้วย
(9) คนรู้ไม่จริงจะไม่มีที่ยืนในสังคม หากจะมีก็ต้องไปยืนอยู่ในที่ซึ่งมีกลุ่มคนประเภทเดียวกัน ซึ่งยืนเกาะกลุ่มรออยู่แล้วเป็นจำนวนมาก
(10) ผู้ที่เลือกหนังชีวิตแบบ Reality drama ต้องมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ต้องสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (self learning)
(11) ผู้ที่เลือกหนังชีวิตแบบ Reality drama ต้องสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยได้
(12) ผู้ที่เลือกหนังชีวิตแบบ Reality drama ต้องมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และที่สำคัญคือต้องมี "เข็มมุ่ง" ในการบังคับจิตใจตนเองให้เดินทางไปใน direction ที่กำหนดไว้ อย่างมั่นคง ไม่โลเล ไม่เหลาะแหละ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง
(13) ผู้ที่เลือกหนังชีวิตแบบ Reality drama ต้องเรียนรู้ให้รู้เท่าทัน (literacy) ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัว
(14) ผู้ที่เลือกหนังชีวิตแบบ Reality drama ต้องเป็นนักปฏิบัติจริง (actualize man) เมื่อมีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาสิ่งใดๆ แล้ว ต้องนำความรู้ ความคิด นั้นมาลงมือปฏิบัติให้ปรากฏผลสำเร็จชัดเจนขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าสิ่งนั่นจะปรากฏในรูปแบบใดๆ เช่น สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม บทกวี วรรณกรรม รูปวาด รายงาน วิทยานิพนธ์ ผลการวิจัย อาหาร ขนม การเพาะพันธ์สัตว์ การทำการเกษตร ฯลฯ
.................................................
..หากต้องการทดสอบ..
..ลองไปสมัครงานที่..
..บริษัท CPF, CP all, SCG เครือปูนซิเมนต์ไทย PTT ปตท. ปตท. สผ..Shell, Esso, ช.การช่าง อิตัลไทย..
..ลองเรียกเงินเดือนเริ่มต้น 100,000 บาท..(หนึ่งแสนบาท)
..แล้วแสดงเอกสารหลักฐานให้เขาดูว่า ผมจบปริญญาโท เกรดเฉลี่ย 3.89 ครับ ดิฉันจบปริญญาเอก เกรดเฉลี่ย 3.98 ค่ะ
..เขาจะมองเอกสารของคุณแค่ 5 วินาที..
..แล้วเขาจะถามคุณสั้นๆ ว่า..
"คุณทำอะไรได้บ้าง ?"
"คุณจะแก้ปัญหาเรื่อง..ให้บริษัทของเราได้ไหม ?"
"คุณช่วยพัฒนาระบบ..ให้บริษัทของเราได้ไหม ?"
"คุณช่วยออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับ..ให้บริษัทของเราได้ไหม ?"
...............................................
การเรียน คือ หนังชีวิต
การเรียน คือ หนังชีวิตแบบ reality
การเรียน คือ หนังชีวิต ที่ต้องติดตามชมกันยาวๆ เพราะอาจมีสิ่งที่สนุก ตื่นเต้น ท้าทาย เราได้ตลอดเวลา
........................................................
เพราะ..การเรียน คือ Reality drama
เพราะ..ชีวิต คือ Reality drama
รองศาสตราจารย์ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
29 มิถุนายน 2556
ชอบมากค่ะ นี่คือความจริงในสังคม
ตอบลบ