รํฐประหาร..3 นิ้ว.."ความรัก" และ "ความคาดหวัง" คนไทยที่อยากได้จากผู้บริหารประเทศ
...........................................................................................................................................
การชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ของคนกลุ่มหลัง แปลความหมายโดยตรงได้ว่าหมายถึง "ความรัก" แต่หากพิจารณาร่วมกับบริบททางสังคมและการเมืองแล้ว การชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วนี้ ยังมีความหมายไปถึง การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทุกพวก ช่วยกันสร้าง "ความรัก ความสามัคคี และความปรองดอง" ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
...........................................................................................................................................
ขณะที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง..ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว เพื่อแสดงการคัดค้านต่อต้านรัฐประหาร
การชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ของคนกลุ่มหลัง แปลความหมายโดยตรงได้ว่าหมายถึง "ความรัก" แต่หากพิจารณาร่วมกับบริบททางสังคมและการเมืองแล้ว การชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วนี้ ยังมีความหมายไปถึง การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทุกพวก ช่วยกันสร้าง "ความรัก ความสามัคคี และความปรองดอง" ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
สำหรับมุมมองของประชาชนอย่างเรา นอกจากความหมายดังกล่าวแล้ว เรายังมี "ความคาดหวัง" ที่จะได้เห็นการปกครองและการบริหารบ้านเมือง ในเรื่องสำคัญและเร่งด่วน 3 เรื่องคือ
.............................................................................
1. การพัฒนาทางเศรษฐกิจ
1.1 การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชนในระดับรากหญ้า และชนชั้นกลางในสังคม มากกว่าการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ชนชั้นนำ นายทุน และกลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจรายใหญ่
1.2 ลดการผูกขาดด้านทรัพยากร
1.3 บริหารการใช้ทรัพยากรของชาติอย่างเป็นธรรม บังเกิดผลประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง เช่น
- ทรัพยากรการเกษตร ทุน ปัจจัยการผลิต เช่น แหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ปุ๋ย อาหารสัตว์
- ทรัพยากรพลังงาน น้ำมัน ปิโตเลียม ก๊าซ
- ทรัพยากรการสื่อสาร เช่น คลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม
1.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจ และการทำมาหากินของประชาชน
1.5 บริหารทุนในการผลิตให้แก่ประชาชน ไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร ตลาด เงินทุน
1.1 การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชนในระดับรากหญ้า และชนชั้นกลางในสังคม มากกว่าการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ชนชั้นนำ นายทุน และกลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจรายใหญ่
1.2 ลดการผูกขาดด้านทรัพยากร
1.3 บริหารการใช้ทรัพยากรของชาติอย่างเป็นธรรม บังเกิดผลประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง เช่น
- ทรัพยากรการเกษตร ทุน ปัจจัยการผลิต เช่น แหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ปุ๋ย อาหารสัตว์
- ทรัพยากรพลังงาน น้ำมัน ปิโตเลียม ก๊าซ
- ทรัพยากรการสื่อสาร เช่น คลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม
1.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจ และการทำมาหากินของประชาชน
1.5 บริหารทุนในการผลิตให้แก่ประชาชน ไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร ตลาด เงินทุน
..............................................................................
2. การจัดระเบียบทางสังคม
สังคมในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเทศบริหารงานแบบมุ่ง "รักษาอำนาจทางการเมือง" ของตนเองและฝ่ายตนเองไว้ให้นานที่สุด การบริหารจึงย่อหย่อนประสิทธิภาพ แก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า ซุกฝุ่นไว้ใต้พรม ซุกซ่อนปัญหาไว้มากมายโดยไม่ได้มีการแก้ไขอย่างจริงจรัง แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก จนก่อให้เกิดสภาพความไร้ระเบียบทางสังคม เกิดสภาพความโกลาหล ใครอยากทำอะไรก็ทำได้โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ระเบียบ กฏกติกาของสังคม ตัวอย่างเช่น ใครจะเปิดวินรถตู้ วินรถมอเตอร์ไซค์เมื่อไหร่ ที่ไหน ก็เปิดได้ หากสามารถเคลียร์กับกรมการขนส่งทางบกได้ หากเคลียร์กับตำรวจได้
ปัญหาความไม่เป็นระเบียบทางสังคม นำไปสู่อาชญากรรม การสร้างความไม่มีระเบียบวินัย การเอารัดเอาเปรียบ เช่น
- ปัญหาแรงงานต่างด้าว
- ปัญหาวินรถตู้
- ปัญหาวินมอเตอร์ไซค์
- ปัญหาเงินกู้นอกระบบ
- ปัญหาการทุจิตคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่น โครงการรับจำนำข้าว
- ปัญหากลุ่มอิทธิพล แก๊งค์ มาเฟีย ขบวนการอาชญากรรม
- ปัญหาการบริหารงานภาครัฐอย่างผิดหลักธรรมาภิบาล ย้ายคนข้ามสายงาน ย้ายคนข้ามหัว ย้ายคนเก่งคนดีออกจากตำแหน่ง ย้านเอาคนที่รับใช้นักการเมืองมามีอำนาจ
- ปัญหาในวงการศาสนา
ปัญหาข้างต้นคณะผู้บริหารประเทศกำลังหยิบขึ้นมาดำเนินการแก้ไข โดยถือเป็นปัญหาสำคัญและเร่งด่วนในการดำเนินการอยู่แล้วในขณะนี้
..............................................................................................................
3. การได้รับการคุ้มครองป้องกันจากภยันตรายและการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม สังคมในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเทศบริหารงานแบบมุ่ง "รักษาอำนาจทางการเมือง" ของตนเองและฝ่ายตนเองไว้ให้นานที่สุด การบริหารจึงย่อหย่อนประสิทธิภาพ แก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า ซุกฝุ่นไว้ใต้พรม ซุกซ่อนปัญหาไว้มากมายโดยไม่ได้มีการแก้ไขอย่างจริงจรัง แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก จนก่อให้เกิดสภาพความไร้ระเบียบทางสังคม เกิดสภาพความโกลาหล ใครอยากทำอะไรก็ทำได้โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ระเบียบ กฏกติกาของสังคม ตัวอย่างเช่น ใครจะเปิดวินรถตู้ วินรถมอเตอร์ไซค์เมื่อไหร่ ที่ไหน ก็เปิดได้ หากสามารถเคลียร์กับกรมการขนส่งทางบกได้ หากเคลียร์กับตำรวจได้
ปัญหาความไม่เป็นระเบียบทางสังคม นำไปสู่อาชญากรรม การสร้างความไม่มีระเบียบวินัย การเอารัดเอาเปรียบ เช่น
- ปัญหาแรงงานต่างด้าว
- ปัญหาวินรถตู้
- ปัญหาวินมอเตอร์ไซค์
- ปัญหาเงินกู้นอกระบบ
- ปัญหาการทุจิตคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่น โครงการรับจำนำข้าว
- ปัญหากลุ่มอิทธิพล แก๊งค์ มาเฟีย ขบวนการอาชญากรรม
- ปัญหาการบริหารงานภาครัฐอย่างผิดหลักธรรมาภิบาล ย้ายคนข้ามสายงาน ย้ายคนข้ามหัว ย้ายคนเก่งคนดีออกจากตำแหน่ง ย้านเอาคนที่รับใช้นักการเมืองมามีอำนาจ
- ปัญหาในวงการศาสนา
ปัญหาข้างต้นคณะผู้บริหารประเทศกำลังหยิบขึ้นมาดำเนินการแก้ไข โดยถือเป็นปัญหาสำคัญและเร่งด่วนในการดำเนินการอยู่แล้วในขณะนี้
..............................................................................................................
ปัญหาการกระทำของบุคคลบางกลุ่มในสังคมที่ผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ประชาชนจึงคาดหวังที่จะได้รับการคุ้มครองป้องกันจากภยันตรายอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย อันเกิดจากการก่อการร้าย อันเกิดจากอาชญากรรม รวมทั้งคาดหวังที่จะได้รับความเสมอภาคความเท่าเทียมกัน ในด้านสิทธิ และได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมของรัฐ ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล
คนบริสุทธิ์ต้องไม่ถูกทำร้าย เด็กต้องไม่ถูกฆ่าข่มขืน สตรีต้องไม่ถูกกระทำในฐานะเป็นเหยื่อ คนผิดต้องได้รับโทษไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใคร มีอำนาจใหญ่โตขนาดไหน ร่ำรวยมหาศาลเพียงใด ต้องได้รับผลของการกระทำอย่างเท่าเทียมกันกับประชาชนธรรมดา
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศของเรา นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา..เราได้เห็นความเคลื่อนไหว เราได้เห็นการลงมือปฏิบัติ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา ซึ่งมีลักษณะเป็นการ "พูดจริงทำจริง" และมีลักษณะ "รวดเร็ว" เราก็รู้สึกดีใจ
ความดีใจของประชาชนสะท้อนจากภาพต่างที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย เป็นอาการแสดงออกของ "ความสุข" ในขณะเดียวกันก็แสดงออกในเชิงของ "ความคาดหวัง" เป็นอย่างยิ่ง ดังภาพที่ประชาชนสร้างขึ้นจากความคิด ที่มิได้มีเจตนาเชิงเสียดสี แต่เป็นเจตนาเชิงสร้างสรรค์ อันเป็นการสร้างสรรค์ทางความคิดของความคาดหวังจากผู้นำประเทศในขณะนี้ ดังภาพ Superman ภาพนี้
แต่ไม่ใช่ว่าเราจะผลักภาระทั้งหมดไปให้คณะผู้บริหารบ้านเมืองต้องทำงานหนักตามลำพัง พวกเรายินดีให้ความร่วมมือเสมอ เพียงแต่การปฏิบัติบางเรื่อง ต้องใช้กำลัง ต้องใช้อำนาจ ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจและไม่อยู่ในวิสัยของประชาชนที่จะกระทำได้
ความดีใจของประชาชนสะท้อนจากภาพต่างที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย เป็นอาการแสดงออกของ "ความสุข" ในขณะเดียวกันก็แสดงออกในเชิงของ "ความคาดหวัง" เป็นอย่างยิ่ง ดังภาพที่ประชาชนสร้างขึ้นจากความคิด ที่มิได้มีเจตนาเชิงเสียดสี แต่เป็นเจตนาเชิงสร้างสรรค์ อันเป็นการสร้างสรรค์ทางความคิดของความคาดหวังจากผู้นำประเทศในขณะนี้ ดังภาพ Superman ภาพนี้
แต่ไม่ใช่ว่าเราจะผลักภาระทั้งหมดไปให้คณะผู้บริหารบ้านเมืองต้องทำงานหนักตามลำพัง พวกเรายินดีให้ความร่วมมือเสมอ เพียงแต่การปฏิบัติบางเรื่อง ต้องใช้กำลัง ต้องใช้อำนาจ ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจและไม่อยู่ในวิสัยของประชาชนที่จะกระทำได้
ประชาชนส่วนใหญ่ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับคณะผู้บริหาร ตามบทบาทตามอำนาจหน้าที่ของตนที่มีอยู่ พื้นฐานหลักๆ ที่ประชาชนร่วมมืออยู่ในขณะนี้คือ การปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง ที่มี รวมทั้งการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันดี เป็นประชาชนที่เคารพกฏกติกา ประชาชนที่เป็นพลเมืองที่ดี ประชาชนผู้อยู่ใต้ปกครองที่ดี
จากปัญหาใหญ่ 3 ประการข้างต้น ที่สะสมมานานหลายปี สร้างความอึดอัด คับข้องใจ (frustration) ในหมู่ประชาชน จนบางครั้งต้องลงมือแก้ปัญหากันเอง ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
เมื่อประชาชนมีคณะผู้บริหารที่มี "อำนาจพิเศษ" และมี "อำนาจเต็ม" ในการบริหารประเทศ ประชาชนย่อมมี "ความคาดหวัง" ว่า ผู้บริหารประเทศที่เขามีอยู่ในขณะนี้ จะสามารถแก้ปัญหาความทุกข์ยากของพวกเขาอย่างน้อย 3 ประการคือ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การจัดระเบียบทางสังคม และการได้รับการคุ้มครองป้องกันจากภยันตรายและการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ได้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพ ยิ่งกว่าในอดีตที่ผ่านมา
เพราะในห้วงเวลานี้..ประชาชนถามหา "คุณภาพชีวิต" มากกว่า "การเลือกตั้ง"
ประชาชนยอมเสียสละ "สิทธิ" และ "เสรีภาพ" บางประการให้แก่คณะผู้บริหารประเทศ เพื่อแลกกับ "ประโยชน์สุขของมหาชนส่วนใหญ่" ที่พวกเขามี "ความคาดหวัง"
ขอแสดงความคิดเห็นด้วยความสุจริตใจในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
14 มิถุนายน 2557
แก้ไข 18 มิถุนายน 2557 14.41 น.
แก้ไข 18 มิถุนายน 2557 14.41 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น