การต่อสู้ทางการเมือง 9 รูปแบบ..ในยุคสมัยแห่งความก้าวหน้าของสื่ออินเทอร์เน็ต และยุคแห่งความตื่นตัวของประชาชน
การต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาชนกลุ่มที่คัดค้านต่อต้านการกระทำที่เห็นว่าไม่ถูกต้องของรัฐ..กับฝ่ายรัฐ
ในปัจจุบัน จำแนกเป็น 9 รูปแบบคือ
1. การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ เช่น การใช้ธงชาติไทยทั้งสีและรูปแบบ การใช้สีฟ้า การใช้สีแดง การใช้สีเหลือง การใช้วัตถุเป็นสัญลักษณ์ เช่น การติดธงที่หน้าบ้านหรือที่รถ การติดโบว์สีขาวสัญลัษณ์ต่อต้านความรุนแรงที่เสื้อของนายกรัฐมนตรี การใช้นกหวีดทั้งรูปภาพ สี และเสียงนกหวีด
2. การต่อสู้ช่วงชิงมวลชน เป็นการช่วงชิงทางอารมณ์และความรู้สึก ผ่านการตั้งประเด็นร่วมทางการเมืองและสังคม เช่น การเปิดประเด็นทางการเมืองคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยใช้สื่อเป็นช่องทางในการให้การเรียนรู้ การกล่อมเกลาจิตใจ การโน้มน้าวใจ
3.การต่อสู้ช่วงชิงพื้นที่สื่อ เป็นการแย่งชิงความสนใจของสื่อมวลชน ให้หันมาสนใจในประเด็นของฝ่ายตนเอง หันมารายงานข่าว ให้พื้นที่ (space) ในการนำเสนอข่าวมากกว่า ให้เวลา (time) ในการนำเสนอข่าวมากกว่า การต่อสู้ช่วงชิงพื้นที่สื่้อ มีลักษณะเป็นการต่อสู้เชิงการสื่อสาร ทั้งการสื่อสารมวลชน สื่อออน์ไลน์ และสื่อโซเชียลมีเดีย
ความมุ่งหมายที่แท้จริงของการต่อสู้แบบนี้มีเพียงประการเดียวคือ "การยึดครองความคิดของประชาชน" โดยอาศัยสื่อมวลชนและสื่อต่่างๆ เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร แนวคิดนี้เป็นแนวคิดดั้งเดิมของ อันโตนิโย กรัมชี่ (Antonio Gramsci) นักคิดคนสำคัญของอิตาลี
ในภาคปฏิบัติการต่อสู้ช่วงชิงพื้นที่สื่อ กระทำได้ 3 ลักษณะวิธีคือ
วิธีที่ 1 การสร้างความสนใจด้วยประเด็นข่าว ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เปิดประเด็นข่าว ปล่อยข่าว ข่าวหลุด ข่าวรั่ว
วิธีที่ 2 การเข้าถึงบรรณาธิการข่าวและคอลัมน์นิสต์ที่ทรงอิทธิพลต่อความคิดของประชาชน
วิธีที่ 3 การซื้อพื้นที่สื่อ
4. การต่อสู้ด้วยการชุมนุมทางการเมือง เป็นการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง หรือหลายๆสถานที่ ในพื้นที่เดียวกัน (common place) เวลาเดียวกัน (common time) ด้วยประเด็นเดียวกัน (common issues)
ความมุ่งหมายที่แท้จริงของการต่อสู้แบบนี้มีเพียงประการเดียวคือ "การยึดครองความคิดของประชาชน" โดยอาศัยสื่อมวลชนและสื่อต่่างๆ เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร แนวคิดนี้เป็นแนวคิดดั้งเดิมของ อันโตนิโย กรัมชี่ (Antonio Gramsci) นักคิดคนสำคัญของอิตาลี
ในภาคปฏิบัติการต่อสู้ช่วงชิงพื้นที่สื่อ กระทำได้ 3 ลักษณะวิธีคือ
วิธีที่ 1 การสร้างความสนใจด้วยประเด็นข่าว ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เปิดประเด็นข่าว ปล่อยข่าว ข่าวหลุด ข่าวรั่ว
วิธีที่ 2 การเข้าถึงบรรณาธิการข่าวและคอลัมน์นิสต์ที่ทรงอิทธิพลต่อความคิดของประชาชน
วิธีที่ 3 การซื้อพื้นที่สื่อ
4. การต่อสู้ด้วยการชุมนุมทางการเมือง เป็นการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง หรือหลายๆสถานที่ ในพื้นที่เดียวกัน (common place) เวลาเดียวกัน (common time) ด้วยประเด็นเดียวกัน (common issues)
5. การต่อสู้ด้วยมวลชนทั้งกำลังคนและอาวุธนอกระบบกฎหมาย เช่น กองกำลังไม่ทราบฝ่าย กลุ่มชายชุดดำ
6. การต่อสู้ด้วยอำนาจรัฐในระบบกฎหมาย โดยการใชอำนาจทางตำรวจ อำนาจทางทหาร โดยอาศัยกฎหมายเป็นเครื่ิองมืิอ เจ้าหน้าที่รัฐเป็นกลไกการทำงาน เช่น การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง การประกาศพื้นที่ความมั่นคง
7. การต่อสู้ในสภาฯ ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
8. การต่อสู้โดยเครือข่ายประชาสังคม (civil network) เป็นการรวมตัวของบุคคล แบ่งออกเป็น การรวมตัวเชิงกลุ่มวิชาชีพหรือกลุ่มอาชีพ (professional-based) การรวมตัวเชิงประเด็น (issues-based) มีการทำงานเป็นระบบ มีการประสานงาน มีการติดต่อกัน มีการเชื่อมโยงกันอย่างแน่นเหนียว ทำให้เกิดพลังของมาก เมื่อกลุ่มแต่ละกลุ่มที่เข้มแข็งหลายๆ กลุ่ม มารวมตัวกัน เกิดเป็นเครือข่าย (network) เชื่อมโยงกัน มีการทำกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน ตัวอย่างเช่น เครือข่ายนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพหลายๆ อาชีพมารวมตัวกันเป็นเครือข่าย กลุ่มนักธุรกิจสีลม กลุ่มนักธุรกิจราชประสงค์ กลุ่มนักธุรกิจสุขุมวิท กลุ่มนักธุรกิจสยามสแควร์ กลุ่มนักธุรกิจ ประตูน้ำ อาจมารวมตัวกันเป็นเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมในประเด็นที่พวกเขามีความเห็นสอดคล้องกัน
9. การต่อสู้โดยเครือข่ายประชาสังคมออนไลน์ (civil online network) เป็นการรวมตัวกันของเป็นเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่ใช้สื่อออนไลน์ สื่อินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียลมีเดีย โดยการรวมกลุ่มมักเกิดจากการมีความสนใจร่วมกัน การมีผลประโยชน์ร่วมกัน การมีประเด็นร่วมกัน การมีความคิดเห็นสอดคล้องกันอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เครือข่าย Change http://www.change.org/th
7. การต่อสู้ในสภาฯ ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
8. การต่อสู้โดยเครือข่ายประชาสังคม (civil network) เป็นการรวมตัวของบุคคล แบ่งออกเป็น การรวมตัวเชิงกลุ่มวิชาชีพหรือกลุ่มอาชีพ (professional-based) การรวมตัวเชิงประเด็น (issues-based) มีการทำงานเป็นระบบ มีการประสานงาน มีการติดต่อกัน มีการเชื่อมโยงกันอย่างแน่นเหนียว ทำให้เกิดพลังของมาก เมื่อกลุ่มแต่ละกลุ่มที่เข้มแข็งหลายๆ กลุ่ม มารวมตัวกัน เกิดเป็นเครือข่าย (network) เชื่อมโยงกัน มีการทำกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน ตัวอย่างเช่น เครือข่ายนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพหลายๆ อาชีพมารวมตัวกันเป็นเครือข่าย กลุ่มนักธุรกิจสีลม กลุ่มนักธุรกิจราชประสงค์ กลุ่มนักธุรกิจสุขุมวิท กลุ่มนักธุรกิจสยามสแควร์ กลุ่มนักธุรกิจ ประตูน้ำ อาจมารวมตัวกันเป็นเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมในประเด็นที่พวกเขามีความเห็นสอดคล้องกัน
9. การต่อสู้โดยเครือข่ายประชาสังคมออนไลน์ (civil online network) เป็นการรวมตัวกันของเป็นเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่ใช้สื่อออนไลน์ สื่อินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียลมีเดีย โดยการรวมกลุ่มมักเกิดจากการมีความสนใจร่วมกัน การมีผลประโยชน์ร่วมกัน การมีประเด็นร่วมกัน การมีความคิดเห็นสอดคล้องกันอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เครือข่าย Change http://www.change.org/th
ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบ
การต่อสู้ทั้ง 9 รูปแบบนี้มีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบร่วมกัน 5 องค์ประกอบดังนี้คือ
1. กลุ่มประชาชน (people) หมายถึง กลุ่มประชาชนที่รวมตัวกัน ซึ่งมีทั้งการรวมตัวกันแบบเผชิญหน้า และการรวมตัวกันผ่านสื่อและการสื่อสาร
2. ประเด็น (issues) หมายถึง สิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระ เป็นแก่นสาร แห่งความคิด ความสนใจ ความรู้สึก ที่มีอยู่ร่วมกัน
3. พื้นที่ (sphere) หมายถึง พื้นที่ซึ่่งกลุ่มคนใช้เป็นแหล่ง เป็นช่้องทาง เป็นสถานที่ ให้เกิดการรวมตัวกันได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก พื้นที่ทางกายภาพ (physical space) เป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งที่ผู้คนเดินทางมาพบกันมารวมตัวกันได้จริง ลักษณะที่สอง พื้นที่ในสื่อ (media space) ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งผู้คนสามารถติดต่อ ส่งข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต
4. การสื่อสาร (communication) หมายถึง การแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารผ่านสื่อหรือช่องทางการสื่อสารอย่างใดอย่างหนึี่ง
5. การกระทำทางสังคม (social action) หมายถึง การลงมือกระทำ การเคลื่อนไหว การทำกิจกรรมของมนุษย์ที่ติดต่อสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจเป็นการกระทำร่วมกัน กระทำต่อกัน กระทำระหว่างกัน ทั้งการกระทำโดยตรงแบบเผชิญหน้า และการกระทำผ่านสื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง
รศ.ณัฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
การต่อสู้ทั้ง 9 รูปแบบนี้มีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบร่วมกัน 5 องค์ประกอบดังนี้คือ
1. กลุ่มประชาชน (people) หมายถึง กลุ่มประชาชนที่รวมตัวกัน ซึ่งมีทั้งการรวมตัวกันแบบเผชิญหน้า และการรวมตัวกันผ่านสื่อและการสื่อสาร
2. ประเด็น (issues) หมายถึง สิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระ เป็นแก่นสาร แห่งความคิด ความสนใจ ความรู้สึก ที่มีอยู่ร่วมกัน
3. พื้นที่ (sphere) หมายถึง พื้นที่ซึ่่งกลุ่มคนใช้เป็นแหล่ง เป็นช่้องทาง เป็นสถานที่ ให้เกิดการรวมตัวกันได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก พื้นที่ทางกายภาพ (physical space) เป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งที่ผู้คนเดินทางมาพบกันมารวมตัวกันได้จริง ลักษณะที่สอง พื้นที่ในสื่อ (media space) ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งผู้คนสามารถติดต่อ ส่งข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต
4. การสื่อสาร (communication) หมายถึง การแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารผ่านสื่อหรือช่องทางการสื่อสารอย่างใดอย่างหนึี่ง
5. การกระทำทางสังคม (social action) หมายถึง การลงมือกระทำ การเคลื่อนไหว การทำกิจกรรมของมนุษย์ที่ติดต่อสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจเป็นการกระทำร่วมกัน กระทำต่อกัน กระทำระหว่างกัน ทั้งการกระทำโดยตรงแบบเผชิญหน้า และการกระทำผ่านสื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง
รศ.ณัฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
14 พฤศจิกายน 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น