การต่อสู้กันระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น บุคคล ประชาชน พรรคการเมือง จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ "อาวุธ" ในทางการเมืองาวุธนี้คือ "อาวุธทางการเมือง"
ความหมายของอาวุธโดยทั่วไป
อาวุธ หมายถึง สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ และหมายรวมทั้ง สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้
สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ เช่น มีด ขวาน ปืน
สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ เช่น ส้อม ฆ้อนปอนด์ ไม้กอล์ฟ
ความหมายของอาวุธทางการเมือง
ก่อนที่เราจะพูดถึงความหมายของอาวุธทางการเมือง ผมอยากจะทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของอาวุธเสียก่อน ขึ้นชื่อว่า อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธหรือ สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ทั้งสองชนิดล้วนมีความมุ่งหมายของการใช้เพื่อให้ผู้ถูกอาวุธมากระทบ หรือถูกทำร้ายด้วยอาวุธ เกิดการบาดเจ็บแก่ร่างกายเป็นด้านหลัก แต่ในทางการเมืองสิ่งที่เราเรียกว่าอาวุธกลับมีความหมายกว้างขวางกว่านั้น ดังที่ผมจะได้นำเสนอต่อไปตามลำดับ
อาวุธทางการเมือง หมายถีง สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธที่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองได้ นอกนี้ยังหมายรวมทั้ง สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ การโจมตี การด่าทอ การเสียดสี การกดดัน การประท้วง การขับไล่
ประเภทของอาวุธทางการเมือง
ประเภทของอาวุธทางการเมือง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยสภาพตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด
แบ่งออกเป็น 7 รูปแบบ
1. นโยบาย
2. การแถลงนโยบาย
3. การตั้งกระทู้ถาม
4. การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
5. การยุบสภา
6. การยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
7. การดำเนินคดีทางศาลรัฐธรรมนูญ
2. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยการประดิษฐ์ออกแบบโดยนักการเมืองและประชาชน
แบ่งออกเป็น 20 รูปแบบ
(1) การเยาะเย้ยถากถาง (sarcasm)
(2) การเหน็บแนม เสียดสี ล้อเลียน (irony, satire, parody)
(3) การด่า (abuse)
(4) การประณาม (condemn)
(5) การประจาน (defame)
(6) การประท้วง (protest)
(7) การชุมนุมทางการเมือง (assembly)
(8) การขับไล่ (expulsion)
(9) การรุมล้อมกดดัน (crowd / encircle)
(10) การใช้เสียงรบกวน (noise pollution)
(11) การตะโกนใส่หน้าหรือการตะคอกใส่หน้า (bawl / snarl at)
(12) การขู่ให้กลัว (browbeat)
(13) การทำลายขวัญ (discourage)
(14) การทำให้เสียเกียรติเสื่อมความน่าเชื่อถือ (discredit)
(15) การแบล็คเมล์ (black mail)
(16) การเปิดโปง (disclose)
(17) อารยะชัดขืน (civil disobedience)
(18) การทำลายทรัพย์สิน (vandalism)
(19) การทำร้ายร่างกาย (assault)
(20) การฆ่า (massacre)
การใช้ยุทธการนกหวีด การเป่านกหวีดใส่หน้า การรุมล้อมเป่านกหวีด เป็นรูปแบบที่เริ่มนำมาใช้ในประเทศไทยอย่างแพร่หลายในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2556 มีลักษณะใกล้เคียงกับการรุมล้อมกดดัน (crowd / encircle)
การใช้เสียงรบกวน (noise pollution) และการตะโกนใส่หน้า
3. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยการประดิษฐ์ออกแบบโดยสื่อมวลชน
แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ
(1) การตั้งฉายา (name calling)
(2) การตีตรา (labeling)
(3) การวิจารณ์โจมตี (criticism)
(4) การเสียดสีล้อเลียน (irony)
(5) การเปิดเผยความจริง (disclose)
เครดิตภาพ คุณชัย ราชวัตร นสพ.ไทยรัฐ
รศ.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
18 พฤศจิกายน 2556
ความหมายของอาวุธโดยทั่วไป
อาวุธ หมายถึง สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ และหมายรวมทั้ง สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้
สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ เช่น มีด ขวาน ปืน
สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ เช่น ส้อม ฆ้อนปอนด์ ไม้กอล์ฟ
ความหมายของอาวุธทางการเมือง
ก่อนที่เราจะพูดถึงความหมายของอาวุธทางการเมือง ผมอยากจะทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของอาวุธเสียก่อน ขึ้นชื่อว่า อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธหรือ สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ทั้งสองชนิดล้วนมีความมุ่งหมายของการใช้เพื่อให้ผู้ถูกอาวุธมากระทบ หรือถูกทำร้ายด้วยอาวุธ เกิดการบาดเจ็บแก่ร่างกายเป็นด้านหลัก แต่ในทางการเมืองสิ่งที่เราเรียกว่าอาวุธกลับมีความหมายกว้างขวางกว่านั้น ดังที่ผมจะได้นำเสนอต่อไปตามลำดับ
อาวุธทางการเมือง หมายถีง สิ่งที่มองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธที่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองได้ นอกนี้ยังหมายรวมทั้ง สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยสภาพของตัวมันเองว่าเป็นอาวุธ แต่สามารถนำมาใช้เยี่ยงอาวุธได้ การโจมตี การด่าทอ การเสียดสี การกดดัน การประท้วง การขับไล่
ประเภทของอาวุธทางการเมือง
ประเภทของอาวุธทางการเมือง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยสภาพตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด
แบ่งออกเป็น 7 รูปแบบ
1. นโยบาย
2. การแถลงนโยบาย
3. การตั้งกระทู้ถาม
4. การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
5. การยุบสภา
6. การยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
7. การดำเนินคดีทางศาลรัฐธรรมนูญ
2. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยการประดิษฐ์ออกแบบโดยนักการเมืองและประชาชน
แบ่งออกเป็น 20 รูปแบบ
(1) การเยาะเย้ยถากถาง (sarcasm)
(2) การเหน็บแนม เสียดสี ล้อเลียน (irony, satire, parody)
(3) การด่า (abuse)
(4) การประณาม (condemn)
(5) การประจาน (defame)
(6) การประท้วง (protest)
(7) การชุมนุมทางการเมือง (assembly)
(8) การขับไล่ (expulsion)
(9) การรุมล้อมกดดัน (crowd / encircle)
(10) การใช้เสียงรบกวน (noise pollution)
(11) การตะโกนใส่หน้าหรือการตะคอกใส่หน้า (bawl / snarl at)
(12) การขู่ให้กลัว (browbeat)
(13) การทำลายขวัญ (discourage)
(14) การทำให้เสียเกียรติเสื่อมความน่าเชื่อถือ (discredit)
(15) การแบล็คเมล์ (black mail)
(16) การเปิดโปง (disclose)
(17) อารยะชัดขืน (civil disobedience)
(18) การทำลายทรัพย์สิน (vandalism)
(19) การทำร้ายร่างกาย (assault)
(20) การฆ่า (massacre)
การใช้ยุทธการนกหวีด การเป่านกหวีดใส่หน้า การรุมล้อมเป่านกหวีด เป็นรูปแบบที่เริ่มนำมาใช้ในประเทศไทยอย่างแพร่หลายในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2556 มีลักษณะใกล้เคียงกับการรุมล้อมกดดัน (crowd / encircle)
การใช้เสียงรบกวน (noise pollution) และการตะโกนใส่หน้า
3. อาวุธที่เกิดขึ้นโดยการประดิษฐ์ออกแบบโดยสื่อมวลชน
แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ
(1) การตั้งฉายา (name calling)
(2) การตีตรา (labeling)
(3) การวิจารณ์โจมตี (criticism)
(4) การเสียดสีล้อเลียน (irony)
(5) การเปิดเผยความจริง (disclose)
เครดิตภาพ คุณชัย ราชวัตร นสพ.ไทยรัฐ
รศ.ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
18 พฤศจิกายน 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น