ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ลักษณะการทำผิดจริยธรรมของสื่อมวลชน ตอนที่ 2

ลักษณะการทำผิดจริยธรรมของสื่อมวลชน ตอนที่ 2

(บทความนี้อ้างอิงมาจากงานเขียนเรื่อง "จริยธรรมสื่อสารมวลชน" ในปี พ.ศ. 2547 โดย ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน )
                การทำงานของสื่อมวลชน เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาข้อมูลข่าวสาร การนำข่าวสารมาเผยแพร่และรายงานให้ประชาชนทั่วไปทราบ

                นอกจากนี้สื่อมวลชนยังทำหน้าที่ในการสอดส่องดูแล และ "ตรวจสอบความจริง" ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ตลอดจนการตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสาธารณะ

                การดำเนินงานของสื่อมวลชนในบางครั้งอาจไปกระทบกระเทือน รุกล้ำต่อสิทธิของบุคคลอื่นได้ ทั้งโดยรู้ตัวและโดยไม่รู้ตัว ในบางครั้งแม้สื่อมวลชนจะมีความปรารถนาดีต่อสังคมส่วนรวม แต่ความปรารถนาดีนั้นก็หาได้มีสิทธิพิเศษที่จะสร้างความกระทบกระเทือนต่อบุคคลอื่น 

                การกระทำของสื่อมวลชนบางเรื่องมีกฎหมายห้ามไว้อย่างชัดแจ้งว่าจะกระทำมิได้ แต่ในบางเรื่องกฎหมายมิได้เขียนห้ามไว้ แต่สื่อมวลชนยังต้องคำนึงถึงหลักว่าด้วยคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของสื่อมวลชน ที่สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน และสังคมช่วยกันกำหนดกฏเกณฑ์ขึ้นมา เพื่อใช้ในการกำกับดูแลการทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งถือว่าเป็น การควบคุมกันเองของสื่อมวลชน (Self Regulation)

               ถึงแม้มิได้มีกฏเกณฑ์ปรากฏชัดแจ้งเป็นเอกสาร แต่สื่อมวลชนก็ยังมี "ความรับผิดชอบในตัวเอง" (Self responsibility) และต้องมี "มโนธรรมสำนึก" (Conscience) ที่จะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนต่อหลักคุณธรรม หลักจริยธรรม และหลักมโนธรรม ที่สื่อมวลชนพึงจะมีในฐานะหน้าที่ของตน

                ลักษณะการกระทำผิดจริยธรรมของสื่อมวลชน ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ จนได้ข้อสรุปว่า หากสื่อมวลชนมีการกระทำเช่นว่านี้ อาจถือได้ว่าเข้าข่ายการการทำผิดหลักจริยธรรมสื่อสารมวลชน และจริยธรรมในวิชาชีพนิเทศศาสตร์ 
                อนึ่ง คำว่า สื่อมวลชน ในที่นี้หมายถึง บุคคลผู้ประกอบวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชน และวิชาชีพด้านนิเทศศาสตร์ อาจทำผิดจริยธรรมได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้

5.11 การมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับแหล่งข่าว
    การมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับแหล่งข่าว (Liaisons dangerousness: reporter and sources) สื่อมวลชนต้องมีใจเป็นกลาง ต้องปราศจากอคติ ต้องมีความกล้าหาญ ต้องยืนอยู่ข้างความถูกต้อง และต้องนำเสนอความจริง เพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ แต่ถ้าหากว่าสื่อมวลชนมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับแหล่งข่าวแล้ว สื่อมวลชนอาจไม่สามารถทำหน้าที่ของสื่อได้อย่างครบถ้วน อันเนื่องมาจากความรัก ความสงสาร ความเห็นใจ

5.12 การชี้ช่องอาชญากรรม
   การเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนในบางครั้ง อาจกลายเป็นการชี้ช่องอาชญากรรม (Crime Promotion) อย่างไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เช่น การรายงานข่าวการปล้นธนาคารที่มีการวางแผนอย่างแยบยลจนตำรวจจับไม่ได้ การแสดงการใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชญากรรมในภาพยนตร์ อาจเป็นตัวอย่างหรือให้การเรียนรู้กับผู้ร้ายในทางอ้อม

5.13 การแต่งเรื่อง
การแต่งเรื่อง (Story Compose) ข่าวสารบางอย่างสื่อมวลชนอาจนำมาประกอบสร้างเป็น เรื่องราวขึ้นมาเพื่อให้น่าอ่านสนุกสนานในการติดตาม เช่น การนำเรื่องของเจ้าหญิงไดอานามาเขียนในทำนองบทประพันธ์หรือนิยาย มีการใช้ถ้อยคำที่หวือหวาเร้าอารมณ์ (emotional) มีการใช้ถ้อยคำที่ดูเร้ากิริยาทางเพศ (erotic) โดยที่อาจมีหรืออาจไม่มีมูลความจริงอยู่เลยก็ได้เพราะเป็นเรื่องเล่าหรือเรื่อที่แต่งขึ้นมาจากข้อเท็จจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น

5.14 การพาดหัวข่าวเกินจริง
      การพาดหัวข่าว (Headline) เกินจริง สื่อมวลชนประเภทหนังสือพิมพ์มีลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากสื่อมวลชนอื่นคือ มีการพาดหัวข่าว ในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์เพื่อเรียกร้องความสนใจให้ประชาชนตัดสินใจซื้อหนังสือพิมพ์นั้น การพาดหัวข่าวที่น่าสนใจมีหลายวิธี แต่ในบางครั้งหนังสือพิมพ์มีการพาดหัวข่าวที่มีลักษณะเกินความจริงจากเนื้อหาของข่าวที่มีอยู่ข้างในเนื้อข่าวไปมาก

5.15 การสถาปนาบุคคลให้กลายเป็นวีรบุรุษ
      การกระทำของมนุษย์ในบางเรื่องที่กระทำไปด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เสียสละ ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม มีเป้าหมายเพื่อความสงบสุขของสาธารณชนและสังคมโดยรวม และก่อให้เกิดความสำเร็จหรือบังเกิดผลกระทบอันยิ่งใหญ่ต่อสังคมในทางที่ดี มักได้รับการยอกย่องว่าเป็น วีรบุรุษ (Heroes) แต่ในยุคปัจจุบัน การทำความดีงามบางอย่างอาจเป็นเรื่องตามปกติชีวิตมนุษย์ เป็นวิถีชีวิตธรรมดาของมนุษย์ แต่สื่อมวลชนบางคนอาจเห็นว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในทัศนะของตน จึงนำมาเสนอข่าวสารยกย่องการกระทำนั้นว่าเป็นการกระทำเยี่ยงวีรบุรุษ ในบางกรณีสื่อมวลชนที่ขาดการตรวจสอบข้อมูลดีพอ แต่เพื่อเป็นการแย่งชิงพื้นที่การนำเสนอข่าว ได้พากันยกย่องบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ผู้อ้างว่าตนเองนำเงินที่ผู้โดยสารชาวต่างชาติที่ลืมไว้ในรถเป็นจำนวนมาก ไปคืนที่ให้ผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมือง ให้กลายเป็นวีรบุรุษชั่วข้ามคืน ในเวลาไม่นานความจริงก็ปรากฏว่า คนขับรถแท็กซี่คนนั้นโกหกและหลอกลวง (lying)

5.16 การขยายความจริงให้ใหญ่กว่าความเป็นจริงหรือบิดเบือนไปจากความจริง
  การขยายความจริงให้ใหญ่กว่าความเป็นจริง (enlarge reality) และการบิดเบือนให้คลาดเคลื่อนไปจากความจริง (distortion) ความจริงในเรื่องหนึ่งอาจมี ขนาดเล็ก แต่สื่อมวลชนสามารถทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นเรื่องที่มี ขนาดใหญ่ ในความรู้สึกของประชาชนผู้รับสารได้ หรือบิดเบือนเรื่องราวให้แตกต่างจากความจริง โดยการใช้ พื้นที่ เวลา และ อารมณ์

         1. การใช้พื้นที่ (Space) เพื่อขยายความจริงให้รู้สึกใหญ่ขึ้นสามารถทำได้โดย
           (1) การกำหนดขนาดให้ใหญ่ ทำได้โดยการกำหนดพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับข่าวสารเรื่องนั้น เช่น การพาดหัวข่าวขนาดใหญ่
              (2) การวางตำแหน่งที่สำคัญ เป็นการนำเสนอข่าวของเรื่องนั้นให้จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ดูแล้วมีความสำคัญเช่น ด้านบนของหนังสือพิมพ์ ด้านขวาของหนังสือพิมพ์ หรือด้านบนซีกขวาของหนังสือพิมพ์
              (3) การใช้ความต่อเนื่อง ทำได้โดยการนำเสนอข่าวสารนั้นให้เป็นข่าวที่สำคัญด้วยการนำเสนอข่าวติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน

        2. การใช้เวลา (Time) เพื่อขยายความจริงให้รู้สึกใหญ่ขึ้นสามารถทำได้โดย
            (1) การให้เวลาที่ยาว เป็นการใช้เวลานำเสนอข่าวนั้นด้วยเวลาที่ยาวนานกว่าข่าวอื่น ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามีความสำคัญ
            (2) การจัดนำเสนอในช่วงเวลาที่สำคัญ เป็นการนำเสนอข่าวหรือเรื่องราวนั้นในเวลาที่มีผู้ฟังผู้ชมมาก เช่น ช่วงไพรม์ไทม์ของรายการวิทยุและโทรทัศน์
          (3) การนำเสนออย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเสนอเรื่องราวนั้นอย่างต่อเนื่องหลายๆ ครั้ง หรือหลายๆ วัน ทำให้ผู้ฟังผู้ชมรู้สึกว่าเรื่องนั้นมีความสำคัญ

       3. การใช้อารมณ์ (Emotion) เป็นการใช้การแสดงออกไปในเนื้อหาที่นำเสนอโดยการสอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกของผู้นำเสนอ เช่น วิธีการพูด ลีลา น้ำเสียงในการพูด รวมทั้งการใช้วิธีการนำเสนอรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้สี การใช้แสง การใช้เสียงดนตรีประกอบการนำเสนอ เพื่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก
           (1) ความรู้สึก (Feeling) หมายถึง การแสดงความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งสอดแทรกลงไปในเนื้อหาที่นำเสนอ เช่น ความรู้สึกรัก ชอบ พึงพอใจ เห็นอกเห็นใจ เมตตา เกลียด ชิงชัง ต่อต้าน เหยียบย่ำ ไร้ความปราณี
           (2) ทัศนคติ (Attitude) หมายถึง การแสดงออกถึงท่าทีโน้มเอียงของความรู้สึกไปในทางบวกหรือทางลบต่อสิ่งที่นำเสนอ เช่น ทัศนคติที่มีต่อบุคคลว่าน่าจะเป็นคนดี คนซื่อสัตย์ น่าจะเป็นคนโกง คนทุจริต
           (3) โทน (Tone) หมายถึง การแสดงท่าที การสื่อควาหมายโดยรวมทำให้ผู้รับสารรับรู้ได้ว่า เรื่องดังกล่าวมีโทนอย่างไร เช่น มีโทนไปในทางลบ มีโทนไปในทางร้าย มีโทนไปในทางทุจริตไม่โปร่งใส

5.17 การทำข่าวให้เป็นละคร
   การนำเสนอเรื่องราวอย่างมีสีสัน (colorful) การนำเสนอเรื่องราวอย่างสนุกสนานตื่นเต้น (exciting) ทำให้เรื่องราวนั้นมีอรรถรสน่าติดตามอ่านหรือติดตามชม ซึ่งเหมาะกับการทำรายการประเภทละคร (drama) หรือนวนิยาย แต่สำหรับรายการข่าวจำเป็นต้องยึดถือความจริง ข้อเท็จจริง ความถูกต้อง ความแม่นยำเป็นหลัก สื่อมวลชนบางแขนงนำรูปแบบวิธีการนำเสนอแบบละคร (drama) มาใช้ในการนำเสนอข่าว  ทำให้ทำข่าวกลายเป็นละคร (Dramatize news) ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความจริงของข่าวคลาดเคลื่อนไป เนื่องจากการเกิด อารมณ์ในขาวที่นำเสนอ ทำให้ข่าวกลายเป็นเรื่องของความรู้สึกสนุกสนานในการติดตาม ตัวอย่างเช่น ข่าวอาชญากรรมที่เขียนข่าวในลักษณะสร้างอารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจ การเสนอข่าวการเมืองในลักษณะของการต่อสู้ของฝ่ายพระเอกกับฝ่ายผู้ร้ายที่ต้องต่อสู้กันเพื่อชัยชนะ เพื่อครองอำนาจ หรือเพื่อได้ผลประโยชน์

5.18 การอนุมานเอาเอง

      สื่อมวลชนอาจมีความจริงไม่ครบถ้วน ขาดเพียงบางส่วนก็จะสมบูรณ์ แต่สื่อมวลชนอาจไม่มีเวลาพอที่จะไปหาความจริงให้ครบถ้วน จึงอาศัย การอนุมาน” (Its looks like…) โดยใช้วิธีการสันนิษฐาน การคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เป็นเหตุให้ความจริงในเรื่องนั้นคลาดเคลื่อนไป

>> ยังมีต่อ..ขอเชิญติดตามอ่านต่อได้ในตอนต่อไป >>

เขียนโดย รองศาสตราจารย์ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
เผยแพร่ซ้ำ วันที่ 24 ตุลาคม 2556

หมายเหตุ
1. เขียนและเผยแพร่ครั้งแรกในการสอน วิชากฎหมายและจริยธรรมสื่อสารมวลชน
ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ปี พ.ศ. 2547
2. นำมาอ้างอิงเผยแพร่ซ้ำในเอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายและจริยธรมสื่อสารมวลชน หน่วยที่ 5 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. 2548
3. นำมาอ้างอิงเผยแพร่ซ้ำอีกครั้งในเอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายและจริยธรมสื่อสารมวลชน หน่วยที่ 5 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. 2550

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย

การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐฐ์วัฒน์  สุทธิโยธิน 9 มิถุนายน 2559             การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย เป็นขั้นตอนที่สำคัญของการสร้างเครื่องมือวิจัยให้มีคุณภาพ สามารถนำไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อวัดตัวแปรได้ถูกต้อง แม่นยำ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ มีความเชื่อถือได้ ซึ่งผู้วิจัยควรดำเนินการตามลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. การตรวจสอบเครื่องมือวิจัยเบื้องต้น             การตรวจเครื่องมือวิจัย สอบเบื้องต้น มีสิ่งสำคัญที่ผู้วิจัยต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้             1.1 การตรวจสอบเชิงโครงสร้างของเครื่องมือวิจัย ผู้วิจัยต้องตรวจสอบว่า เครื่องมือวิจัยที่ตนเองสร้างขึ้นมานั้น มีความครอบคลุม มีความครบถ้วน ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยทุกข้อหรือไม่ ถ้ายังไม่ครบต้องดำเนินการสร้างเครื่องมือวัดให้ครบ             1.2 การตรวจสอบเชิงแนวคิด ผ...

ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตสำนึก (Consciousness) การสร้างจิตสำนึก และการปลูกฝังจิตสำนึก

ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตสำนึก (Consciousness) การสร้างจิตสำนึก และการปลูกฝังจิตสำนึก ........................................................................................................................................ จิตสำนึกคืออะไร? สร้างอย่างไร? ปลูกฝังอย่างไร? ความหมายของจิตสำนึก จิตสำนึก (Consciousness) หมายถึง ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกตระหนัก และการให้ความสำคัญ ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในระบบความคิดและจิตใจของมนุษย์ ลักษณะของจิตสำนึก จิตสำนึกเป็นสภาวะที่ผสมผสานกันระหว่าง ความรู้ความเข้าใจ ความคิด และความรู้สึก การเกิดจิตสำนึก จิตสำนึก (Consciousness) เกิดจากการรับรู้ การเรียนรู้ การประเมินค่า จากสิ่งเร้าต่าง ๆ ประสบการณ์ จนเกิดเป็นความตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนั้น สิ่งเร้าที่มนุษย์รับรู้ เรียนรู้ จนพัฒนามาเป็นจิตสำนึก ประกอบด้วยข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์ อารมณ์ สภาพสังคม และวัฒนธรรม ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดจิตสำนึก 1. การรับรู้ 2. ทัศนคติ 3. ประสบการณ์ 4. ระยะเวลาในการรับรู้ ความถี่ ความต่อเนื่อง ผลของ...

นวัตกรรม ตอนที่ 4 กระบวนการสร้างนวัตกรรม

บทนำ การสร้างนวัตกรรมมีลักษณะเป็นกระบวนการ กระบวนการสร้างนวัตกรรมเป็นการสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการหลัก 4 กระบวนการ คือ           1. กระบวนการสร้างความคิด (Idea generation)           2. กระบวนการสร้างโอกาส (Opportunity recognition)           3. กระบวนการพัฒนา (Development)           4. กระบวนการทำให้เป็นจริง (Realization)             การสร้างนวัตกรรมเป็นเรื่องที่องค์กรจะต้องมีวิสัยทัศน์ มีเป้าหมาย และมีกลยุทธ์ในการดำเนินการ การสร้างนวัตกรรมมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา ในการนำเสนอเนื้อหาตอนนี้ที่ว่าด้วยกระบวนการสร้างนวัตกรรม จะได้กล่าวถึงเป้าหมายของการสร้างนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงกับการสร้างนวัตกรรม และกระบวนการสร้างนวัตกรรม เป้าหมายของการสร้างนวัตกรรม การสร้างนวัตกรรมมีเป้าหมาย...